ดูแลจิตใจในช่วงเป็นหนี้ ใครว่าไม่สำคัญ
ปัญหาหนี้สินเป็นหนึ่งในปัญหาใกล้ตัวของคนไทยในยุคปัจจุบัน เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่คล่องตัว การทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล และความไม่เท่าเทียมกันในสังคม มักเป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับทำให้คนสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพื่อใช้ในการดำรงชีวิต และด้วยหนี้สินที่มหาศาลจึงทำให้ลูกหนี้ส่วนใหญ่หมดเวลาไปกับการทำงานเพื่อใช้หนี้และใช้จ่ายในครอบครัวไปพร้อม ๆ กัน ส่งผลทำให้ช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตลดลงหรือขาดหายไปด้วย ขาดเวลาพักผ่อน ระบายความเครียดให้ใครฟังไม่ได้
ดังนั้นปัญหาหนี้สินรัดตัวจึงกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเกิดความเครียด วิตกกังวล กินไม่ได้ นอนไม่หลับ และแน่นอนว่าหากปัญหานี้หากไม่ได้รับการแก้ไข ปล่อยเรื้อรังเป็นเวลานาน มันอาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกับคนใกล้ชิด ครอบครัวขาดความอบอุ่น เพราะฉะนั้นหากใครที่เป็นหนี้นอกจากจะเสียเวลาไปกับการจัดการเม็ดเงินในกระเป๋าแล้ว จำเป็นต้องดูแลจิตใจช่วงเป็นหนี้ ไม่ให้เครียดเกินไปไปพร้อม ๆ กันด้วย
วิธีจัดการความเครียดในช่วงเป็นหนี้ ทำอย่างไรให้เห็นผล?
คนส่วนใหญ่มักใช้เวลาไปกับการหาเงินใช้หนี้ ก้มหน้าก้มตาทำงานจนทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน หรือหาความสุขให้ตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและสภาพจิตใจในระยะยาว แม้การเป็นหนี้จำเป็นต้องมีวินัยในการใช้หนี้สินของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญคุณต้องไม่ลืมดูแลจิตใจของตัวเองด้วย โดยคุณสามารถดูแลจิตใจของตัวเองในช่วงเป็นหนี้ได้ ดังนี้
ดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สภาพร่างกายและสภาพจิตใจเป็นสิ่งที่มีส่วนสัมพันธ์กันอยู่เสมอ หากร่างกายแข็งแรงจิตใจก็ย่อมแจ่มใสไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นจำเป็นต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30 – 60 นาที นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

หาความสุขเล็ก ๆ ให้ตัวเอง
ความสุขหาได้รอบตัว แถมความสุขบางอย่างยังไม่จำเป็นต้องพึ่งพาค่าใช้จ่ายจำนวนมากด้วย เพราะการมีเงินน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีความสุขน้อยเสมอไป และขณะเดียวกันแม้จะมีเงินมากแค่ไหนก็ไม่ได้แปลว่าจะมีความสุขที่มหาศาลเช่นกัน ดังนั้นความสุขเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถขึ้นมาเองได้แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่มีหนี้สินรัดตัวก็ตาม
จัดการความเครียดที่เกิดขึ้นทุกวัน
คุณต้องเริ่มจากการจัดสรรเวลาในแต่ละวันให้เหมาะสม นอกจากการทำงานและการแบ่งเวลาให้ครอยครัวแล้ว คุณต้องหากิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายด้วย เช่น เดินออกกำลังกาย หาหนังสือดี ๆ อ่านสักเล่ม เล่นกับสัตว์ หรือพูดคุยกับคนใกล้ชิดที่สบายใจ เพราะแต่ละคนมีวิธีจัดการความเครียดที่ต่างกัน ดังนั้นลองหาสิ่งที่ชอบแล้วแบ่งเวลาให้ความสุขตรงนั้นบ้างจะดีที่สุด
ปรับมุมมองในการเผชิญหน้าปัญหา
แน่นอนว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ แต่เราทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหานั้นได้ ให้เราลองมองว่าปัญหานั้นเป็นเป้าหมายและเรื่องท้าทายที่เราจะต้องผ่านความยากลำบาก เพื่อมอบคุณค่าให้กับชีวิตหากทำมันได้สำเร็จ ตั้งเป้าหมายการชำระหนี้ให้ชัดเจนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อาจจะแบ่งเป้าหมายเป็นช่วง ๆ เหมือนขั้นบันได ค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้นเพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเป็นช่วงได้ จะได้มีกำลังใจและไม่กดดันตัวเองเกินไป
ใส่ใจสุขภาพจิตของคนในครอบครัว
นอกจากการใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเองแล้ว คนข้าง ๆ หรือคนในครอบครัวคุณก็ห้ามละเลยเด็ดขาด แบ่งเวลามานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้าง แบ่งหน้าที่และบทบาทของคนในครอบครัวอย่างชัดเจน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้คนในครอบครัวรักกันอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้พลังครอบครัวก็ช่วยผลักดันให้คุณก้าวข้ามผ่านสิ่งต่าง ๆ ได้แล้ว
การดูแลจิตใจให้แจ่มใสในช่วงเป็นหนี้ ช่วยให้คุณมีสติ มีสมาธิ และช่วยจัดการชำระหนี้ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจในระยะยาว เพราะความเครียดเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจนำไปสู่สิ่งเลวร้ายและโรคร้ายต่าง ๆ จนอาจทำให้คุณถึงขั้นต้องพึ่งพาประกันสุขภาพเพื่อพักรักษาตัวเลยก็ได้